วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คุณรู้จักมั๊ย" เฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น "


ยาค็อบ ลุดวิก เฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น-บาร์โธลดี (Jakob Ludwig Felix Mendelssohn-Bartholdy) เป็นที่รู้จักกันในชื่อ เฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น (3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 - 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1847) เป็นนักเปียโน คีตกวี และผู้อำนวยเพลงชาวเยอรมัน อยู่ในยุคโรแมนติกตอนต้น มีผลงานประพันธ์ทั้งซิมโฟนี คอนแซร์โต ออราทอริโอ และเชมเบอร์มิวสิก
เฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น เกิดที่
ฮัมบูร์ก ในครอบครัวชาวยิว เป็นบุตรของอับราฮัม เมนเดลโซห์น นายธนาคารซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนศาสนาเป็นคาธอลิก ต่อมาครอบครัวได้ย้ายมาอาศัยที่เบอร์ลิน
เฟลิกซ์ ได้รับการฝึกฝนให้เล่นเปียโนจากมารดา ป้า และพี่สาวชื่อ แฟนนี่ เมนเดลโซห์น ซึ่งเป็นนักดนตรีสมัครเล่น และได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะมาตั้งแต่เด็ก เช่นเดียวกับ
โมซาร์ท เขาได้รับการฝึกฝนการประพันธ์เพลง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1817 เมื่ออายุเพียง 9 ปี และได้เริ่มแสดงคอนเสิร์ตตั้งแต่ปีนั้น ต่อมาเขาได้ศึกษาต่อด้านปรัชญา สุนทรียศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเบอร์ลิน
เมนเดลโซห์น เป็นศิลปินทางดนตรีและประพันธ์เพลงเพียงไม่กี่คนที่มีฐานะร่ำรวย แตกต่างจากศิลปินที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากจนข้นแค้น
ผลงานที่มีชื่อเสียงของเมนเดลโซห์น คือ
ไวโอลินคอนแซร์โต ในบันไดเสียง อี ไมเนอร์ ที่ประพันธ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1844

ไวโอลิน แพงที่สุดในโลก !!!


Lady Tennant เป็นไวโอลิน ที่สร้างโดย Antonio Stradivari และได้มีการประมูลโดยสถาบัน Christie ไปด้วยราคา 71,120,000 บาท ( 2,032,000 เหรียญสหรัฐ ) ผู้ประมูลได้ที่ไม่ประสงค์จะออกนาม ได้ให้นักไวโลลิน นามว่า Yang Liu ยืมใช้อย่างไม่มีกำหนด โดย Yang Liu กล่าวว่าเสียงของ Lady Tennant นั้นน้ำเสียงที่โปร่งและกังวาน เสียงใหญ่แต่ไม่กระด้าง Liu ยังกล่าวต่อไปว่า น้ำเสียงของมันคล้ายกับนักร้องที่เก่งๆ ดูสบายๆ แต่มีความหนักแน่นอยู่ในเนื้อเสียง

ประวัติ ของ Lady Tennant
History of Lady Tennant ตามประวัติที่มีการบันทึกไว้กล่าวว่าผู้ที่เป็นเจ้าของ ไวโอลินตัวนี้ คนแรกๆ คือ Charles Philippe Lafont นักไวโอลินร่วมสมัยเดียวกับ Paganini ต่อมาในปี 1900 ไวโอลินตัวนี้ถูกขายให้กับนักอุตสาหกรรมและนักการเงินชาวสก็อต Sir. Charles Tennant เพื่อมอบให้กับภรรยาของท่านและนั้นก็เป็นที่มาของชื่อ Lady Tennant จากการทดสอบด้วยกระบวนการ Dendrochronology เป็นที่ยืนยันว่าวงปีในเนื้อไม้นั้นตรงกับไวโอลินตัวอื่นๆ ที่สร้างโดย Stradivari

รู้จักกันมั๊ย ! " โมเคเล เอ็มเบ็มบี "


โมเคเล เอ็มเบ็มบี (Mokèlé-mbèmbé) ชื่อเรียกของสัตว์ลึกลับขนาดใหญ่ที่พบในหนองน้ำหรือทะเลสาบของทวีปแอฟริกาตอนกลาง ในประเทศสาธารณรัฐคองโก, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, แคเมอรูนและแซมเบีย ที่ ๆ มีแม่น้ำคองโกไหลผ่าน มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์จำพวกซอโรพอด เช่น บราคิโอซอรัส (Brachiosaurus) หรือ บรอนโตซอรัส (Brontosaurus) โดยชื่อนี้เป็นภาษาลิงกาลามีความหมายว่า ผู้เดียวที่หยุดการไหลของแม่น้ำได้ (one who stops the flow of rivers)
โมเคเล เอ็มเบ็มบี เป็นสัตว์ที่อยู่ใน
ตำนานเล่าขานของชนเผ่าพื้นเมือง เช่น ปิ๊กมี่ ว่าเป็นสัตว์ดุร้าย มักทำร้ายคนหรือสัตว์ที่เข้าใกล้ตัว โดยจะฆ่าให้ถึงตายแต่จะไม่กิน มีรายการการพบเห็นอย่างเป็นทางการครั้งแรกใน ค.ศ. 1766 โดยบาทหลวงที่เข้าไปแผ่ศาสนาในแคเมอรูนชื่อ Lievain Proyart จากนั้นก็มีรายงานการพบเห็นอีกครั้งต่อมาในปี ค.ศ. 1909 โดยนายPaul Gratz ได้บันทึกว่าเขาพบ โมเคลเล เอ็มเบ็มบี ในขณะที่มันว่ายน้ำอยู่ในบึงอย่างสบายอารมณ์ ใกล้กับทะเลสาบ Bangweulu ของประเทศแซมเบีย และเรียกชื่อมันว่า เอ็นซังกา (Nsanga)
จากนั้นก็มีการอ้างว่าพบเห็นอีกหลายครั้ง โดยนักสำรวจหรือนักผจญภัย
ชาวตะวันตกในอีกหลายปีต่อมา จนกระทั่งในยุค'90 มีปฏิบัติการตามล่าอย่างจริงจังถึง 2 ครั้งใหญ่ รวมทั้งมีการบันทึกภาพได้ด้วยในระยะไกล โดยนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ใน ค.ศ. 1988 และพบสิ่งที่คล้ายรอยเท้า แต่ก็ยังไม่มีใครพบหลักฐานหรือสิ่งที่ยืนยันได้จะ ๆ จริง ๆ แต่พอสรุปรูปร่างและขนาดของโมเคลเล เอ็มเบ็มบี ได้ว่า มีความยาวลำตัว 5-10 เมตร คอยาว 1.6-3.3 เมตร หางยาว 1.6-3.3 เมตร มีผิวสีน้ำตาลแดง ไม่มีเกล็ด กินพืช 2 ชนิดเป็นอาหาร การพบเห็นครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2000 ในประเทศแคเมอรูน โดยเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าแคเมอรูน 2 คน กระนั้นชนชาวพื้นเมืองก็กล่าวว่า ในอดีตเคยมีผู้ได้ทานเนื้อมันด้วยแต่ก็นานมาแล้ว จนบุคคลนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว ในความคิดของชาวพื้นเมืองคาดว่า โมเคลเล เอ็มเบ็นบีอาจสูญพันธุ์ไปแล้วก็เป็นได้

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต 1ใน10 มหาลัยของสหรัฐ

วันสถาปนา พ.ศ. 2398
อธิการบดี Graham Spanier
สีประจำสถาบัน น้ำเงิน ขาว
เว็บไซต์ www.psu.edu
มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต (อังกฤษ: Pennsylvania State University) หรือรู้จักในชื่อ เพนน์สเตต (อังกฤษ: Penn State) เป็นมหาวิทยาลัยรัฐ ตั้งอยู่ในเมือง ยูนิเวอร์ซิตีปาร์ก มลรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855)
ตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2493 เพนน์สเตตได้มีผลงานวิจัยที่เป็นที่รู้จักมากมายในสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2549 มีนักศึกษา 81,664 คน อาจารย์และนักวิจัย 20,817 คน ในปัจจุบันเพนน์สเตตมีชื่อเสียงในหลายคณะ เช่น เคมี สังคมศาสตร์ ธรณีวิทยา เศรษฐศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ โดยเฉพาะในสาขา วิศวกรรมอุตสาหการ และวิศวกรรมวัสดุ

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กินกบตัวนั้นซะ



คนเราไม่มีเวลาพอที่จะทำทุกอย่างที่เราจำเป็นต้องทำ คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่พยายามทำทุกสิ่ง พวกเขาเรียนรู้ที่จะพุ่งจุดความสนใจไปยังงานที่สำคัญที่สุด และทำมันซะเลย
เป็นเรื่องที่พูดกันมานานแล้วว่า ถ้าสิ่งแรกที่คุณจะทำในแต่ละเช้าคือการกินกบเป็น ๆ ตัวหนึ่งแล้วละก็ คุณจะผ่านพ้นวันนั้นไปได้ พร้อมกับความพึงพอใจที่ได้รู้ว่า การกินกบอาจจะเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับคุณตลอดทั้งวันนั้น
จงใช้ “กินกบตัวนั้นซะ” เป็นดังอุปมาสำหรับการจัดการกับงานที่ท้าทายที่สุดในวันของคุณ วันที่ดูเหมือนว่าจะมีโอกาสสูงมากที่คุณจะผลัดวันประกันพรุ่งต่อไป แต่บางทีมันอาจเป็นวันที่คุณสามารถมีผลกระทบในทางบวกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อชีวิตของคุณก็ได้
เช่นกัน “กินกบตัวนั้นซะ” จะแสดงให้คุณเห็นถึงวิธีที่จะลงเอยกับงานที่สำคัญยิ่งเหล่านี้ และจัดระเบียบให้กับวันของคุณ คุณจะไม่เพียงทำงานได้มาขึ้นเร็วขึ้น แต่ได้ทำงานที่ใช่เลยอีกด้วย
กุญแจสู่ความสุข ความพึงพอใจ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ความรู้สึกอันแสนวิเศษของการมีอำนาจและการมีประสิทธิภาพ คือ การเพาะนิสัยกินกบของคุณเป็นอย่างแรกทุกวันเมื่อคุณเริ่มทำงาน

ต่อไปนี้คือบทสรุปของวิธีที่ยิ่งใหญ่ 21 วิธี ในการเลิกนิสัยผลัดวันประกันพรุ่งและทำงานได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ทบทวนกฎและหลักการนี้เป็นประจำจนกว่ามันจะฝังรากลึกในความคิดและการกระทำของคุณอย่างเหนียวแน่น แล้วอนาคตคุณจะมั่นคง
1.จัดโต๊ะ : ตัดสินใจให้แน่นอนว่าคุณต้องการอะไร ความชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ เขียนเป้าหมายและจุด ประสงค์ของคุณขึ้นมาก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือ

2.วางแผนทุกวันไว้ล่วงหน้า : คิดบนกระดาษ ทุกนาทีที่คุณใช้ในการวางแผนงาน สามารถประหยัดเวลาในการปฏิบัติงานของคุณได้ 5 – 10 นาที

3.ใช้กฎ 80/20 กับทุกอย่าง :20 % ของงานที่คุณทำ คือตัวที่จะรับผิดชอบผลลัพธ์อีก 80 % ของคุณ จงตั้งสมาธิอยู่กับ 20 % แรกนั้น

4.พิจารณาถึงผลที่จะตามมา : งานที่สำคัญที่สุดของคุณและการจัดลำดับความสำคัญคือสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ที่รุนแรงที่สุดทั้งในแง่บวกหรือแง่ลบกับชีวิตและการงานของคุณ จงเพ่งเล็งสิ่งเหล่านี้ให้มากกว่าอะไรทั้งหมด

5. ฝึกวิธี ABCDE อย่างต่อเนื่อง :ก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือทำงานตามรายการ จงใช้เวลาครู่หนึ่งในการเรียบเรียงมันตามคุณค่าและลำดับความสำคัญ เพื่อที่คุณจะได้มั่นใจได้ว่า คุณกำลังทำงานที่สำคัญที่สุดของคุณ

6. เน้นที่หัวใจของงาน :ชี้ชัดและกำหนดหัวใจสำคัญเหล่านั้นที่คุณต้องมีเพื่อทำงานได้ดี และพยายามทำมันตลอดทั้งวัน

7.เชื่อฟังกฎแห่งประสิทธิภาพโดยความจำเป็น คุณไม่เคยมีเวลาพอที่จะทำทุกอย่าง แต่มีเวลาเสมอที่จะทำสิ่งที่สำคัญที่สุด มันคืออะไร ?

8.เตรียมพร้อมอย่างรอบคอบก่อนเริ่มลงมือ : การเตรียมการล่วงหน้าที่เหมาะสมเป็นการป้องการการปฏิบัติงานที่ไม่ได้เรื่อง

9.การทำการบ้านของคุณ : คุณยิ่งรอบรู้และมีความชำนาญในงานที่เป็นหัวใจสำคัญมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งลงมือทำงานนั้นได้เร็วขึ้นและทำมันให้แล้วเสร็จได้เร็วขึ้นเท่านั้น
10. ใช้พรสวรรค์ของคุณเป็นอำนาจสู่ความสำเร็จ : พิจารณาให้ชัดเจนว่าคุณถนัดทำงานอะไร หรือทำงานอะไรได้ดี แล้วก็เทใจให้กับการทำงานนั้น ๆ เต็มที่

11.มองหาตัวเหนี่ยวรั้งมิให้ทำงานที่สำคัญของคุณ : พิจารณาคอขวดหรือจุดสกัดทั้งภายในหรือภายนอกที่เป็นตัวกำหนดความเร็วในการบรรลุเป้าหมายสำคัญที่สุดของคุณ และตั้งอกตั้งใจทำให้มันบรรเทาเบาบางลง

12. เดินตามถังน้ำมันทีละใบ : คุณสามารถทำงานที่ใหญ่ที่สุดและสลับซับซ้อนมากที่สุดให้ลุล่วงได้ถ้าคุณทำมันทีละก้าว

13.สร้างแรงกดดันให้กับตัวเอง :จงสมมติว่าคุณต้องเดินทางออกนอกเมืองเป็นเวลาหนึ่งเดือนและจงทำงานให้เหมือนกับว่าคุณต้องทำงานสำคัญทั้งหมดของคุณให้แล้วเสร็จก่อนคุณออกเดินทาง

14.เพิ่มอำนาจส่วนตัวของคุณให้สูงสุด :พิจารณาช่วงเวลาที่คุณมีพลังกายและพลังความคิดสูงที่สุดในแต่ละวัน แล้วทำงานที่สำคัญที่สุดของคุณในช่างเวลาเหล่านั้น พักผ่อนให้มาก ๆ เพื่อที่คุณจะได้ทำงานได้ดีที่สุด

15.กระตุ้นตัวเองให้ลงมือทำ :จงเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของตัวคุณเอง มองหาแต่สิ่งดี ๆ ในทุกสถานการณ์ เน้นย้ำในวิธีแก้มากกว่าในตัวปัญหา มองโลกในแง่ดีและสร้างสรรค์อยู่เสมอ

16ฝึกนิสัยผลัดวันประกันพรุ่งในทางสร้างสรรค์ :เนื่องจากคุณไม่สามารถทำทุกอย่างได้ ดังนั้นคุณต้องเรียนรู้ที่จะผัดผ่อนงานที่มีค่าต่ำออกไปก่อน เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาาพอในการทำเรื่องบางอย่างที่สำคัญจริง ๆ

17.ทำงานที่ยากที่สุดก่อน :เริ่มต้นแต่ละวันด้วยงานที่ยากที่สุดก่อน งานที่ทำให้คุณต้องทุ่มเทตัวเองให้กับมัน และจงตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะอยู่กับมันจนกว่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์

18. แล่และหั่นงานเป็นชิ้นเล็ก ๆ :ย่อยงานใหญ่ที่ซับซ้อนลงเป็นงานชิ้นขนาดพอคำ แล้วเริ่มลงมือทำงานด้วยการทำงานชิ้นเล็ก ๆ ทีละชิ้นก่อน

19.สร้างเวลาชิ้นโต : แบ่งวันของคุณออกเป็นช่วงเวลาใหญ่ ๆ ทีคุณสามารถทุ่มเทสมาธิเป็นเวลานาน ๆ กับงานที่สำคัญที่สุดของคุณ

20.สร้างสำนึกแห่งความเร่งรีบ : สร้างนิสัยเสือปืนไวในงานสำคัญของคุณ ทำตัวให้ได้ชื่อว่าเป็นคนที่ทำงานทุกอย่างได้เร็วและทำได้ดี

21ทำงานทุกอย่างทีละอย่าง :จัดลำดับความสำคัญให้ชัดเจน เริ่มต้นทำงานที่สำคัญที่สุดก่อนโดยทันที แล้วทำไม่หยุดจนกระทั่งงานเสร็จสมบูรณ์ 100 % นี่คือเคล็ดลับที่แท้จริงสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและการทำงานที่ได้ผลสูงสุด

จงตัดสินใจที่จะฝึกหัดหลักการเหล่านี้ทุก ๆ วันจนกว่ามันจะกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวคุณ ถ้าคุณติดนิสัยการบริหารเหล่านี้จนมันกลายเป็นบุคคลิกที่ถาวรอย่างหนึ่งของคุณแล้วละก็ อนาคตของคุณจะต้องกว้างไกลไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน
ลงมือทำเลย ! กินกบตัวนั้นซะ

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ประเทศที่ต้องขอวีซ่า


ประเทศในกลุ่มสัญญา "เชงเก็น" (Visa Schengen) ได้แก่ ออสเตรีย เยอรมนี เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส กรีซ ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปรตุเกส สเปน และสวีเดน
ผู้ที่ต้องการเดินทางในเส้นทางของกลุ่มประเทศ เชงเก็น ให้ยื่นคำร้องวีซ่าเชงเก็นต่อสถานทูต ของประเทศที่เป็นประเทศหลักของการเดินทาง หรือใช้ระยะเวลาอยู่ในประเทศนั้นๆ นานที่สุด แต่ถ้าไม่มีประเทศหลักของการเดินทางให้ยื่นคำร้องขอวีซ่าต่อสถานทูตของประเทศที่จะเดินทางเข้าไปเป็นประเทศแรก ทั้งนี้การยื่นขอวีซ่า สามารถยื่นคำร้องขอแบบเดินทางเข้า-ออกครั้งเดียว หรือเข้า-ออกหลายครั้งก็ได้ แต่รวมเวลาพำนักทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันแรกที่เดินทางเข้าประเทศในกลุ่มสัญญาเชงเก็น ส่วนประเทศอื่นในยุโรป ก็ต้องขอวีซ่าตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ก่อนไปขอวีซ่าประเทศไหน โทรไปสอบถามที่สถานทูตประเทศนั้นๆ ก่อน ก็น่าจะดี จะได้ทราบว่าต้องนำเอกสารหลักฐาน หรือต้องเตรียมค่าธรรมเนียมไปเท่าไร วีซ่านี้เที่ยวได้ในกลุ่มเท่านั้น อย่างอังกฤษ ต้องขอวีซ่าใหม่ ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าเชงเก็น 39.95 ยูโร
ประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า
มีหลายประเทศที่รัฐบาลทำความตกลงเอาไว้เพื่อให้เดินทางไปมากันได้สะดวก และมีอีกหลายประเทศที่อำนวยความสะดวกให้คนไทยเป็นพิเศษ ปัจจุบัน มีอยู่ 18 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ ที่ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยสามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ได้แก่
1.อาร์เจนติน่า (อยู่ได้ 90 วัน)
2.บาห์เรน (อยู่ได้ 14 วัน)
3.บราซิล (อยู่ได้ 90 วัน)
4.บรูไน (อยู่ได้ 14 วัน)
5.ชิลี (อยู่ได้ 90 วัน)
6.ฮ่องกง (อยู่ได้ 30 วัน)
7.อินโดนีเซีย (อยู่ได้ 30 วัน)
8.เกาหลีใต้ (อยู่ได้ 90 วัน)
9.ลาว (อยู่ได้ 30 วัน)
10.มาเก๊า (อยู่ได้ 30 วัน)
11.มาเลเซีย (อยู่ได้ 30 วัน)
12.มัลดีฟส์ (อยู่ได้ 30 วัน)
13.เปรู (อยู่ได้ 90 วัน)
14.ฟิลิปปินส์ (อยู่ได้ 21 วัน)
15.รัสเซีย (อยู่ได้ 30 วัน)
16.สิงคโปร์ (อยู่ได้ 30 วัน)
17.แอฟริกาใต้ (อยู่ได้ 30 วัน)
18.เวียดนาม (อยู่ได้ 30 วัน)
สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ ปัจจุบันรัฐบาลไทยก็มีความตกลงกับ 39 ประเทศให้สามารถเดินทางไปราชการได้โดยไม่ต้องใช้ Visa รายชื่อประเทศดูได้ใน เว็บตรงหน้าของกองตรวจตราฯ
>> ที่มา http://www.teenee.com/ <<

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของการฟังเพลง



ถ้ารู้สึกความดันโลหิตขึ้นสูง ไม่ต้องตกใจ พยายามผ่อนหายใจ และหันไปเปิดเพลงช้า ๆ ฟัง จะพบว่า มันจะค่อย ๆ ลดลงได้ ผลวิจัยของสมาคมแพทย์โรคความดันโลหิตสูงอเมริกัน รายงานว่า ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงอย่างอ่อน จะสามารถให้มันกลับลดลงได้ อย่างน่าสังเกต ชั่วเพียงฟังเพลงคลาสสิก วันละครึ่งชั่วโมง ติดต่อกันสัก 1 เดือน โรคความดันโลหิตสูง นับเป็นโรคที่เป็นกันอยู่อย่างแพร่ หลาย เมื่อมันขึ้นไปอยู่ระดับสูง แล้วไม่กลับลงมาสู่ระดับปกติ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลก ปีหนึ่ง ๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ดร.เปียโตร เอ.โมเดสติ ศาสตราจารย์วิชาอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์แห่งอิตาลี หัวหน้าคณะนักวิจัยกล่าวว่า “เพลงจะช่วยขับกล่อม และมีส่วนในการควบคุมความเจ็บปวด ความวิตกกังวลของคนไข้ และทำให้ความดันโลหิตลดลงได้อย่างฉับพลัน” พร้อมกับกล่าวต่อว่า “นับว่าเพิ่งได้ยินผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นอิทธิพลของการฟังดนตรีประจำวัน กับโรคความดันโลหิตสูงอย่างชัดเจน จึงอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ที่พบว่ามันเป็นผลดีทั้งกับคนไข้และหมอ ซึ่งต่อไปจะเชื่อมั่นได้ว่า การฟังเพลง เป็นเรื่องปลอดภัยและให้ผลดี อาจเป็นหนทางรักษาโดยไม่ต้องพึ่งยาอีกทางหนึ่ง” รู้อย่างนี้แล้ว หันมาฟังเพลงกันดีกว่า.