วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ปราสาทนอยชวานชไตน์ ปราสาทในเทพนิยาย


ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Schloß Neuschwanstein) เป็นปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์แถบแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี สร้างในสมัยพระเจ้าลุกวิกที่ 2ในช่วง ค.ศ. 1845-86 เป็นปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก และเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ และฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ รวมไปถึงที่แดนเนรมิต


ในบรรดากษัตริย์ของยุโรปทั้งหลาย เมื่อกว่าหนึ่งร้อยปีล่วงมา ชื่อของกษัตริย์ ลุดวิกที่ 2 แห่งแคว้นบาวาเรีย ดูจะเป็นที่คุ้นหูเรา มากกว่าพระองค์อื่นๆ เนื่องเพราะพระองค์ เป็นผู้มีความหลงไหลใฝ่ฝันที่จะสร้างสรรปราสาทราชวังที่ประทับ อันสมบูรณ์แบบที่สุดขึ้นมา โดยในเขตแคว้นอัลไพน์ พระองค์ทรงสร้าง ปราสาทนอยชวานสไตน์ ส่วนความคลั่งไคล้ของ พระองค์ต่อโลกยุคบูร์บองแห่งฝรั่งเศส ก็ได้แสดง ออกมาเป็น พระราชวังลินเดอร์โฮฟ และ พระราชวังแฮเรนคีมเซ รวมทั้งหมดเป็นสามแห่งด้วยกัน
ปราสาทหลังใหญ่สีขาวดั่งรูปเงาของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ประกอบด้วยยอดแหลมสะโอดสะอง ของหลังคาปราสาทต่างๆ มองดูไปแล้ว ก็ไม่น่าเชื่อว่า จะมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตสวยงามอย่างนี้ ตั้งอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพร ที่ซึ่งมีสีสันแปลกแปลง แตกต่างไปในแต่ละฤดูกาลได้


ปราสาทนอยชวานสไตน์ หนึ่งในปราสาทราชวัง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ ของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ถูกสร้างขึ้นด้วยเงินทุนมหาศาล เริ่มตั้งแต่ปี 1868 ถึงปี 1892 แต่ทว่า ปราสาทหลังนี้ เพิ่งได้รับขนานนามว่า "นอยชวานสไตน์" ก็เพียงภายหลังจากที่ กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ได้เสด็จสวรรคตแล้วในปี 1886
ปราสาทสวยอันเป็นที่อนุสรณ์ให้รำลึกถึงเจ้าของแห่งนี้ ได้รับการออกแบบจัดสร้าง โดยนักออกแบบ ฉากละคร ที่เลื่องชื่อ คริสเตียน จังค์ โดยเขาใช้โครงร่างจาก ปราสาทวาร์ทบวร์ก ในแคว้นธูริงเกีย แล้วนำมาปรับแปลงให้สอดคล้อง รับเข้ากับกับแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้า ขององค์กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ที่มีต่ออุปรากรของ ริชาร์ด วากเนอร์ 2 เรื่อง คือ โลเฮนกริน และ ทานน์ฮอยเซอร์ การตกแต่งภายในห้องหับต่างๆ ของตัวปราสาท ทำโดย ยูลิอุส เฮฟฟ์มานน์ ในปี 1880
ตัวปราสาทมีที่ตั้งอันน่าทึ่งบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์ สูงกว่า 200 เมตร เหนือออบแก่งของแม่น้ำพอลลัท นอกจากนี้ ยังมีภาพธรรมชาติและทิวทัศน์ ที่สวยงามมาก เมื่อมองจาก สะพานมาเรียน ที่ซึ่งทอดข้ามสายน้ำเชี่ยวกรากในลำธารเบื้องล่าง


ประวัติมิ้กกี้เมาส์25.05.2008 - 21:58:52มิกกี้เมาส์ โดนัลด์ดั๊ก หมาพลูโต และผองเพื่อน เปิดม่านฉายความหลังของค่ายราชาการ์ตูน วอลต์ ดิสนีย์ ว่าก่อกำเนิดเมื่อ ค.ศ.1919 จากการประสานมือระหว่าง นายวอลต์ ดิสนีย์ กับนายเอ๊บ ไอเวอร์ก มีสำนักงานศิลปะเล็กๆ ณ เมืองเคนซัสซิตี้ รัฐแคนซัส ผลิตภาพยนตร์โฆษณาเป็นภาพวาดความยาวประมาณ 2 นาที สำหรับฉายตอนเริ่มต้นในโรงภาพยนตร์ท้องถิ่น และสร้างภาพยนตร์จากภาพวาดการ์ตูนชุด Laugh-O-Grams กับอีกชุดเป็นเทพนิยายยาว 7 นาที เรื่อง Alice in Cartoonland แต่ถูกผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในนิวยอร์กฉ้อโกง ทั้งคู่จึงเดินทางสู่ลอส แองเจอลิส เริ่มธุรกิจใหม่อีกครั้งโดยมี รอย ดิสนีย์ พี่ชายของวอลต์ นั่งเก้าอี้ผู้จัดการ โครงการหนังการ์ตูน Alice in Cartoonland ถูกสานต่อ พร้อมการแจ้งเกิดของตัวการ์ตูนตัวใหม่ "กระต่ายออสวอลด์" จัดจำหน่ายได้ถึงตอนละ 1,500 เหรียญสหรัฐ ซึ่งยามนั้นนับว่ามหาศาล ดิสนีย์และไอเวิกส์สามารถดำเนินธุรกิจเล็กๆ ของตนต่อไปได้ วันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.1923 เป็นวันก่อตั้งบริษัทที่เปลี่ยนชื่อเดิมจาก "ดิสนีย์ บราเธอร์ส การ์ตูนสตูดิโอ" เป็น "วอลต์ ดิสนีย์สตูดิโอ" ตามคำแนะนำของพี่รอย ฤกษ์งาม 16 ต.ค. ได้มาจากวันที่บริษัทเอ็มเจ วิงเลอร์ ตกลงยอมเป็นผู้จัดจำหน่ายการ์ตูนเรื่องใหม่ที่สร้างสรรค์จากวรรณกรรมเยาวชน Alice in Wonderland "วอลต์ ดิสนีย์สตูดิโอ" มีสำนักงานอยู่บนถนนคิงส์เวลล์ในฮอลลีวู้ด ก่อนเก็บเงินเก็บทองขยับขยายไปยังแห่งใหม่ที่สตูดิโอไฮเปอเรียน ปี 1927 วอลต์ ดิสนีย์ พยายามเจรจาต่อรองเรื่องค่าตอบแทนภาพยนตร์การ์ตูนกระต่ายออสวอลด์ กับบริษัทจัดจำหน่าย เขาได้รู้ว่าฝ่ายหลังไม่ซื่อสัตย์โดยทำสัญญาว่าจ้างนักเขียนการ์ตูนของวอลต์ ดิสนีย์

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ข้อห้ามสำหรับการติดตั้งลูกกรงเหล็กดัด

บ้านหรืออาคารที่มีหน้าต่างเป็นกระจก นิยมติดเหล็กดัดเพื่อป้องกันขโมยแต่หลายครั้งที่ได้ทราบข่าวเพลิงไหม้ และมีผู้ติดอยู่ภายในไม่สามารถหนีออกมาได้ก็เนื่องจากติดเหล็กดัด
การติดเหล็กดัดนั้นไม่ใช่สักแต่ว่าติด แต่ทราบหรือไม่ว่า.. พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร กฏกระทรวงฉบับที่ 21 ที่เพิ่มเติมเมื่อปี พ.ศ. 2532มีการออกกฏหมายควบคุมอาคาร (กฏกระทรวงฉบับที่ 21) เมื่อปี 2532 ออกมาว่า อาคารทุกชั้นที่ติดเหล็กดัดจะต้องมีช่องเหล็กดัด ที่สามารถเปิดได้จากข้างในขนาดไม่น้อยกว่า 60x80 ซ.ม. เพื่อเป็นทางหนีไฟ
แม้ว่ากฏหมายนี้จะออกมาหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ ที่โรงงานห้องแถวใจกลางเมือง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2531 แล้วมีผู้เสียชีวิตหลายศพเพราะไม่อาจหนีออกมาได้เนื่องจากติดเหล็กดัด แต่ก็ดีกว่าไม่คิดหาทางแก้ไขใดๆ

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

H1N1 FLU:สธ.ออกประกาศแนะวิธีป้องกันไข้หวัด 2009 หลังพบผู้ติดเชื้อในไทย

กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศคำแนะนำประชาชนเรื่องการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ H1N1 ฉบับที่ 5 หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จำนวน 2 ราย" นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าว รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า เพื่อให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องสร้างความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและประชาชนทุกคน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของความสำเร็จในการเฝ้าระวังและป้องกันและลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค โดยในกลุ่มประชาชนทั่วไป ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรค รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สร้างสุขนิสัยในการป้องกันโรค เน้นกินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ และใช้หน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอ ผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศหากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว ควรรีบไปพบแพทย์ หากพบผู้ใกล้ชิดมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่มเดินทางกลับมาจากต่างประเทศภายใน 7 วัน ควรแนะนำไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กลุ่มโรงเรียนและสถานศึกษา เมื่อเปิดภาคเรียนควรสำรวจนักเรียนเป็นประจำทุกวัน สังเกตอาการป่วยของนักเรียน ดูแลนักเรียนที่ป่วยอย่างถูกวิธี สอนและให้คำแนะนำวิธีรักษาสุขภาพและป้องกันโรคแก่นักเรียน จัดสิ่งแวดล้อมและอำนวยความสะดวกเพื่อสนับสนุนการป้องกันโรคในโรงเรียน ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ และกลุ่ม อสม.ขอให้เฝ้าระวัง สังเกตประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนที่รับผิดชอบ หากพบผู้ที่มาอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ ควรแนะนำให้ไปพบแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ภายใน 7 วัน และรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เผยแพร่ความรู้และให้คำแนะนำ เพื่อการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

นาฬิกาอะตอมขนาดจิ๋วเล็กที่สุดในโลก


ทีมนักวิจัยของ National Institute of Standards and Technology (NIST) ในรัฐโคโรลาโด ของสหรัฐอเมริกาได้ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า microfabrication technology ประดิษฐ์นาฬิกาอะตอม หรือ Atomic clock ที่มีขนาดเล็กที่สุดได้เป็นผลสำเร็จ นาฬิกาดังกล่าวมีขนาดแค่เพียงเมล็ดข้าวสาร มีกลไกภายในที่เล็กกว่านาฬิกาที่ใช้กันอยู่กว่าร้อยเท่า และกินพลังงานไฟฟ้าน้อยกว่า 75 มิลลิวัตต์ นาฬิการอะตอมนี้อาจสามารถติดตั้งในอุปกรณ์สื่อสาร เช่น โทรศัพท์มือถือ วิทยุ และ เครื่องรับสัญญาณ GPS เพื่อเพิ่มความละเอียดแม่นยำให้น่าชื่อถือมากขึ้น เป็นเวลากว่า 50ปีมาแล้วที่นักวิทยาศาสตร์ใช้นาฬิกาอะตอมเป็นตัวเทียบเวลาและความถี่มาตรฐาน แต่กระนั้นการใช้งานของนาฬิกาประเภทนี้ค่อนข้างจะอยู่ในวงจำกัด เนื่องด้วยความซับซ้อน ขนาดอันใหญ่โต และ ราคาของมัน ผลงานผลงานของสภาบัน NIST ทำให้มีโอกาสที่จะนำนาฬิกาอะตอมเข้าสู่กระบวนการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมได้ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่างๆ โครงสร้างของนาฬิกาอะตอมจิ๋วนี้ประกอบด้วย แหล่งกำเนิดแสงเลเซอร์ที่เรียกว่า vertical-cavity surface-emitting laser (VCSEL), เลนซ์, อุปกรณ์ปรับและลดทอนกำลังแสง (optical attenuator), แผ่นโพลาไรซ์คลื่น, กระเปาะเก็บก๊าซซีเซียม (cesium) และตัวไดโอด โดย VCSEL จะปล่อยสัญญาณแสงสองสัญญาณซึ่งมีความถี่ต่างกันไม่กี่จิกะเฮริทซ์ (gigahertz) สัญญาณทั้งสองจะโฟกัสไปรวมกันที่อะตอมของซีเซียม และปรับแต่งความถี่ของสัญญาณจนกระทั้ง ความถี่ของสัญญาณทั้งสองมีความต่างกันเท่ากับความถี่ที่ใช้ในการเปลี่ยนระดับพลังงานของอะตอมซีเซียม (hyperfine D2 transition) ซึ่งจะเป็นวิธีวัดความถี่ที่ละเอียดมาก และสามารถนำไปกำหนดเป็นเวลาที่แม่ยำสูงได้นาฬิกาอะตอมจิ๋วนี้มีความเที่ยงตรงถึงหนึ่งในหมื่นล้านวินาที นั่นคือ กว่าที่มันจะเดินผิดไป 1วินาทีก็ต้องรอไปอีกถึง 300 ปีเลยทีเดียว ซึ่งนับว่ามีความแม่นยำสูงมากเมืองเทียบกับนาฬิกาที่อาศัยการสั่นของผลึกควอทซ์ แต่อย่างไรก็ตามความละเอียดของนาฬิกาอะตอมจิ๋วนี้ยังเทียบไม่ได้กับประสิทธิภาพของนาฬิกาอะตอมขนาดใหญ่ๆ เช่น นาฬิกาอะตอม F1 ของสถาบัน NISTเอง ที่มีความแม่ยำถึง 1ในร้อยล้านล้านส่วนของวินาที ซึ่งเวลาผ่านไป30ล้านปี F1จะเดินผิดไปเพียงแค่ 1วินาทีเท่านั้น

ประโยชน์ของช็อกโฏแลต



ประโยชน์ของช็อกโกแลต
ช่วยปรับอารมณ์ และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติค่ะ เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลายฉะนั้น ช็อกโกแลตจึงถือได้ว่า เป็นขนมหวานอันดับหนึ่ง
สำหรับผู้หญิงเลยทีเดียวค่ะ
ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือน อย่างได้ผลเลยหล่ะค่ะ
ช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ hangover ได้ด้วย จะได้เลิกเมาค้าง ข้ามวันข้ามคืนไงคะ
ป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะได้พิสูจน์พบแล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลต เป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดงค่ะ
ช่วยลดอาการอักเสบ เวลาเจ็บป่วยต่างๆ มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัว และยังช่วยให้ กระฉับกระเฉงอีกด้วยค่ะ ในมิลค์ ช็อกโกแลต อัตราส่วน 1.4 ออนซ์ จะประกอบด้วย โปรตีน 3 กรัม แคลเซียม 5% และธาตุเหล็กถึง 15% โดยเฉพาะช็อกโกแลต ที่ใส่ถั่ว หรืออัลมอนด์ จะมีสารอาหารพวกนี้มากขึ้นตามไปด้วยค่ะ เห็นไหมคะ นี่ขนาดฝรั่งเขายังวิจัย ล้วงความลับ ของช็อกโกแลต กันมาไม่หมดนะเนี่ยเรายังพบข้อดีของช็อกโกแลต ได้มากมายหลายข้อเลยค่ะ เอาเป็นว่า ทานเข้าไปเถอะนะคะไม่ต้องกลัวสิว ไม่ต้องกลัวอ้วนกันอีกต่อไปแล้ว ขอแค่รับประทานอย่างพอดีๆ และสำนึกไว้เสมอว่า ช็อกโกแลตเนี่ย อุดมไปด้วยไขมัน และโกโก้ ซึ่งถ้าร่างกายได้รับมากเกินไป จะสามารถเพิ่มปริมาณคอเรสเตอรอลได้ค่ะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ควรดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี และอย่าตามใจปากมากนักเพราะการทานอาหารอะไรก็ตาม ในปริมาณที่มากเกินไป ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาได้ด้วยกันทั้งสิ้นค่ะ















วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ชาร้อนยับยั้งอัลไซเมอร์


ข่าวดีสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ทุกท่าน ที่ต่อไปไม่ต้องทานยาเยอะๆ อีกต่อไปแล้วเพราะแค่คุณดื่มชาวันละแก้ว ก็สามารถยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
ดร. เอ็ด โอเคลโล่ แห่งศูนย์วิจัยสมุนไพร มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ ได้รายงานผลการวิจัยว่า การที่คุณดื่มชาเขียวหรือชาดำวันละ 1 ถ้วยทุกวัน สามารถยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะในชาเขียว และชาดำ มีสารที่ช่วยยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้การดื่มชาเขียวยังสามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเบต้า-ซีเครเทส (Beta-secretase) ที่เป็นขั้นตอนในการผลิตตะกอนโปรตีนในสมองอันเป็นสาเหตุของการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ แต่คุณจะต้องดื่มชาเขียวอย่างน้อย 1 อาทิตย์ถึงจะเห็นผลดี แต่หากคุณดื่มชาดำเพียงแค่ 1 วันคุณก็สามารถเห็นผลได้เร็วกว่าการดื่มชาเขียวหลายเท่า
ถึงแม้ว่าแพทย์จะไม่สามารถรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายได้ แต่จากการวิจัยเรื่องการดื่มชา ก็สามารถยับยั้งและลดภาวะเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ ราคาถูก

หลักเกณฑ์ในการตัดสินว่าศัพท์คำไหนควรบรรจุไว้ในพจนานุกรม




บรรณาธิการของพจนานุกรมภาษาอังกฤษ มีหลักเกณฑ์อะไรในการตัดสินว่าศัพท์คำไหนควรบรรจุไว้ในพจนานุกรม ?
พจนานุกรมที่ผ่านการศึกษาวิจัยมาอย่างถี่ถ้วนเป็นผลิตผลจากการอ่านหนังสือมากมายคนอ่านจะต้องคอยติดตามนิตยสาร หนังสือ หนังสือพิมพ์ และแม้แต่รายการอาหารในภัตตาคารกับแค็ตตาล็อก วัตถุประสงค์ก็เพื่อหาคำสองประเภทคือ คำใหม่เอี่ยมเช่น blog หมายถึงเว็บไซต์ส่วนตัว หรือคำที่มีอยู่แล้วแต่ถูกนำไปใช้ในความหมายใหม่ เช่น cougar หมายถึง ผู้หญิงที่ควงกับชายหนุ่มอายุน้อยกว่า
แคทเทอรีน บาร์เบอร์ บรรณาธิการอำนวยการของ Canadian OxfordDictionary กล่าวว่า "ข้อความที่มีคำทั้งสองประเภทนี้อยู่ จะถูกรวบรวมไว้ในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เมื่อเห็นว่าคำนั้นปรากฏอยู่ซ้ำๆ คณะบรรณาธิการก็จะพิจารณาว่าควรบรรจุคำคำนั้นไว้ในพจนานุกรมหรือไม่ ถ้าถามว่า..ต้องปรากฏซ้ำบ่อยแค่ไหน อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับขนาดของพจนานุกรมหลักทั่วไป คือ ปรากฏอยู่ในข้อความ 15 ครั้งจากแหล่งข้อมูลที่แตกต่างกัน 15 แหล่งและมีระยะเวลาประมาณ 5 ปี ด้วยเหตุนี้ เราจึงเลี่ยงศัพท์ประเภทคำคะนองซึ่งคนคนเดียวใช้อยู่ประเดี๋ยวประด๋าวกับศัพท์วูบวาบตามสมัย เช่น tofukeyมาจากคำว่า tofu(เต้าหู้) กับ turkey(ไก่งวง) หมายถึง เต้าหู้ที่นำไปใช้แทนเนื้อไก่งวงเวลาทำอาหารมังสวิรัติ อย่างไรก็ตาม ในการจัดทำครั้งต่อไปคำว่าtofukey อาจถูกบรรจุไว้ก็ได้ หลักเกณฑ์เหล่านี้ช่วยให้ตัดสินได้ว่าคำไหนควรจะกลายเป็นคำสามัญในภาษาของเราต่อไป"